Botox

สำหรับใบหน้า

BOTOX คืออะไร?

BOTOX เป็นโปรตีนจากธรรมชาติที่ผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์ ออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อบนใบหน้าที่ทำให้เกิดรอยย่น ทำให้รอยย่นเรียบขึ้น

BOTOX ออกฤทธิ์อย่างไร

รอยย่นเกิดขึ้นจากการที่ใบหน้าต้องแสดงอารมณ์ต่างๆ ซ้ำๆ กัน BOTOX จะช่วยคลายกล้ามเนื้อเล็กๆ บนใบหน้า ที่ทำให้เกิดริ้วรอย จากการแสดงสีหน้าอารมณ์ต่างๆ ทำให้ผิวหนังด้านบนของกล้ามเนื้อเหล่านั้นเรียบและรอยย่นลดลง เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัว คุณก็จะไม่สามารถเกร็งกล้ามเนื้อนั้น เพื่อทำให้เกิดรอยย่นที่ไม่ต้องการได้อีกต่อไป ดังนั้นริ้วรอยต่างๆ จะค่อยๆ เรียบขึ้น และป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ๆ ขึ้นอีก BOTOX ออกฤทธิ์เฉพาะบริเวณที่ฉีดเท่านั้นไม่มีผลกับกล้ามเนื้ออื่นที่ใช้สำหรับการแสดงสีหน้า ไม่ทำให้คุณหน้าตายเหมือนไร้ความรู้สึก คุณจึงยังแสดงสีหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ

กรรมวิธีการรักษาเป็นอย่างไร

แพทย์ จะตรวจและพิจารณาบริเวณที่จะฉีด BOTOX เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุด ไม่มีการใช้ยาชา แพทย์อาจใช้เพียงน้ำแข็งประคบบริเวณที่จะฉีด ขั้น ตอนการรักษากินเวลาประมาณ 10 นาที โดยใช้ BOTOX ปริมาณเพียงเล็กน้อยฉีดที่จุดต่างๆ ด้วยเข็มที่เล็กมาก ซึ่งผู้ที่ได้รับการฉีด BOTOX จะ รู้สึกคล้ายๆ มดกัดเท่านั้น โดยปกติหลังการฉีด BOTOX คุณสามารถกลับไปทำภารกิจต่างๆ ได้ตามปกติ BOTOX จะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 2 – 3 วัน และเห็นผลสูงสุดใน 7 วัน

BOTOX

ออกฤทธิ์อยู่ได้นานประมาณ 4 เดือน ทั้งนี้ขึ้นกับแต่ละบุคคล คุณสามารถกลับมาฉีดได้เมื่อคุณต้องการ ซึ่งจะทำให้ริ้วรอยกลับมาช้าลง จากการศึกษาพบว่าการฉีด BOTOX ซ้ำจะทำให้การออกฤทธิ์ของ BOTOX อยู่นานขึ้น จึงสามารถเว้นระยะการฉีดให้นานขึ้นโดยคงผลการออกฤทธิ์เช่นเดิม จากการใช้ BOTOX กับริ้วรอยต่างๆ ผลข้างเคียงจากการฉีดที่พบได้บ่อยที่สุดจะเป็นเพียงชั่วคราวในบริเวณที่ฉีด เช่น ปวด หรือ ช้ำเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งสามารถปกปิดด้วยการแต่งหน้า ปวดศีรษะ บางรายอาจเกิดอาการหนังตาหนัก ประมาณ 1 – 4 สัปดาห์ แต่พบได้น้อยมาก และไม่มีรายงานใดที่แสดงผลข้างเคียงถาวรจากการใช้ BOTOX **ไม่แนะนำให้ใช้ BOTOX ในสตรีมีครรภ์หรือระหว่างให้นมบุตร รวมทั้งผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทกล้ามเนื้อ

ประโยชน์ทางการรักษาของ BOTOX

การรักษาด้วย BOTOX เป็นที่ใช้แพร่หลายเพื่อ

  • ลบรอยย่นระหว่างคิ้ว
  • ลบรอยริ้วบนหน้าผาก
  • รอยตีนกา หรือ ริ้วรอยจากการยิ้มรอบดวงตา

นอกจากนี้ยังใช้ในการยกคิ้วทำให้ดวงตาแลดูโตขึ้น และอ่อนเยาว์ลง มีรายงานจากแพทย์ว่า BOTOX ใช้ได้ผลดีกับรอยเส้นข้างจมูก ริ้วรอยรอบปาก และยังใช้ได้กับเส้นรอบคอ คางที่บุ๋มหรือเป็นรอย

BOTOX นิยมใช้ในกระบวนการเสริมความงามหรือไม่?

BOTOX ถูกใช้เป็นอันดับ 1 ในปี ค.ศ. 2001 และจากรายงานของ The American Society for Aesthetic Plastic Surgery ในสหรัฐอเมริกามีการใช้ BOTOX ไปกว่า 1.6 ล้านครั้งในปีเดียวกัน ซึ่งเป็นทางเลือกที่เป็นที่นิยมที่สุด ในกระบวนการเสริมความงาม

BOTOX ใช้กับผู้ชายได้หรือไม่?

BOTOX ใช้ได้ผลดีเท่าๆ กันทั้งในผู้ชายและผู้หญิง มีการใช้ BOTOX ในผู้ชายประมาณ 220,000 ครั้งในปี 2001 และเป็นที่นิยมในหมู่นักธุรกิจ เนื่องจากประสิทธิภาพในการลบริ้วรอยจากความเครียดทำให้ใบหน้าดูแจ่มใสและ อ่อนวัย

BOTOX ราคาแพงหรือไม่?

เมื่อเปรียบเทียบกับทางเลือกต่างๆ ในการเสริมความงามบนใบหน้า การใช้ BOTOX เป็นทางเลือกที่มีราคาถูกและสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับวิธีอื่น เช่น การนวดหน้า ขัดหน้า การทำสีผม ครีมลบรอยย่น คนไข้บางรายพบว่าค่าใช้จ่ายในการรักษาด้วย BOTOX เท่าๆ กับที่ใช้ในการขัดหน้า 3 ครั้ง หรือ การไปทำสีผม 2 – 3 ครั้ง

ริ้วรอยต่างๆ จะแย่ลงหรือไม่ หากไม่ฉีด BOTOX อย่างต่อเนื่อง?

ไม่เลย รอยย่นของคุณจะกลับมาเหมือนสภาพก่อนการฉีดซึ่งกินเวลาประมาณ 6 – 12 เดือน

BOTOX ใช้ร่วมกับวิธีอื่นได้หรือไม่?

BOTOX มักถูกนำไปใช้ร่วมกับ คอลลาเจนหรือเลเซอร์ จากการศึกษาพบว่าการใช้คาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์อย่างเดียวได้ผลน้อยกว่าการ ใช้ร่วมกับ BOTOX

ทำไม BOTOX จึงเป็นหนึ่งเดียว?

BOTOX เป็นชื่อการค้าของ Botulinum Toxin Type A ซึ่งไม่เหมือนกับผลิตภัณฑ์อื่นที่มีส่วนผสมของ Botulinum Toxin BOTOX เป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรกในกลุ่มนี้ที่ได้รับการอนุญาตจากองค์การอาหารและยาของ สหรัฐอเมริกา (US FDA) ตั้งแต่ปี 1989 และมีการศึกษาการใช้ทางคลินิกมายาวนานที่สุด สำหรับการใช้ทางด้านความงาม BOTOX ถูกนำมาทดสอบและใช้อย่างกว้างขวางมานานกว่า 10 ปี และเป็น Botulinum Toxin เพียงตัวเดียวเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ทางด้านความงาม BOTOX มีส่วนผสมที่เป็นโปรตีนน้อยมาก ยิ่งมีโปรตีนมากจะทำให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันมาต่อต้านมากขึ้น ซึ่ง Botulinum Toxin อื่น มีโปรตีนสูงกว่า BOTOX ถึง 2.5 – 10 เท่า

จะพบแพทย์ที่ใช้ BOTOX ได้อย่างไร?

คุณควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น แพทย์ผิวหนัง แพทย์ศัลยกรรมตกแต่ง หรือ แพทย์ด้านความงามที่ผ่านการเรียนการใช้ BOTOX มาอย่างดี คุณควรซักถามอย่างละเอียดและบอกความต้องการในการใช้เพื่อให้แพทย์ได้อธิบาย และเลือกใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ควรระวังในเรื่องของ “การเสนอราคาถูก” เพราะราคาถูกอาจทำให้คุณได้รับ BOTOX ที่ไม่มีประสิทธิภาพ โดยได้รับปริมาณน้อยเกินไปหรือได้รับการผสมที่เจือจางทำให้ผลที่ได้ไม่ ยาวนานเท่าที่ควร แพทย์ที่ได้รับการฝึกอย่างดีจะทำให้คุณได้รับผลดีที่สุด

จะทราบได้อย่างไรว่า BOTOX เหมาะกับคุณหรือไม่?

คุณควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ทางด้านความงามและได้รับการฝึกฝนอย่างดีเพื่อให้คุณได้รับการรักษาที่ถูกต้องที่สุด

โปรแกรมการรักษา

  • test