คำถามที่พบบ่อย

ไม่จริง แต่แก้ปัญหาหน้ามันได้โดยการ ใช้น้ำเมือกว่านหางจระเข้ทาหน้าให้ทั่วใบหน้า ทาแล้วไม่ต้องล้างออก น้ำเมือกจะ แห้งไปเองภายใน 5 - 10 นาที ทำก่อนนอน แค่นี่หน้าก็จะ หาย ขอย้ำ... เมือกจากว่านหางจระเข้เท่านั้น เมือกอย่างอื่นที่ทำเป็นประจำ ผิวหน้าอาจอักเสบ หรือ ติดโรคได้...

จริง โดยการยืนเอาปลายนิ้วมือแตะ ปลาย นิ้วเท้า ก้มตัวต่ำๆค้างไว้นับ 1-30 แล้วค่อยๆ ยืนขึ้นจะทำให้โลหิต บริเวณหนังศีรษะ และใบหน้าหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลกระทบให้ผิวหน้าดูสดใส ขึ้น

จริง เพราะ เมื่อร่างกายมีน้ำตาล อยู่ ในกระแสเลือดมากเกินไป มันจะไปเกาะติดกับเส้นใยโปรตีนที่อยู่ระหว่างเซลล์ ผิว ทำ ให้เกิดภาวะผิวเครียดขึ้น และนำไปสู่อาการแก่ก่อนวัย ผิวหยาบกร้าน และ เหี่ยวย่น ในที่สุด

การเปลือยเล็บให้ปราศจากสีสัน ย่อมเป็นผลดีต่อสุขภาพเล็บอยู่แล้ว เพราะสาเหตุที่ทำให้เนื้อเล็บเปราะบาง เปลี่ยนเป็นสีเหลืองซีดเกิดจากการใช้น้ำยาล้างเล็บราคาถูกซึ่งมีส่วนผสมอะซิโตนปริมาณสูงทำให้เล็บอ่อนแอ ดังนั้นถ้าคุณทาเล็บเป็นประจำ ให้เลือกยาทาเล็บและน้ำยาล้างเล็บคุณภาพดี โดยทำความสะอาดเล็บทุก 2 อาทิตย์ และล้างสีเดิมออกให้หมด จากนั้นจึงตัดแต่งเล็บ ตามด้วยการบำรุงรอบจมูกเล็บค่อยเริ่มทาสีใหม่ อย่าลืมว่าหากปล่อยสีทาเล็บไว้นานเกินไปจะทำให้ล้างออกยาก จึงต้องใช้น้ำยาในปริมาณมากและล้างหลายรอบ จะยิ่งทำให้เล็บบาง

สำหรับใครที่เล็บเปราะโดยธรรมชาติ การทาเคลือบเล็บสีใสอาจเป็นทางเลือกที่ช่วยให้เล็บแข็งแรงและคงทน แต่ถึงอย่างนั้นการล้างทำความสะอาดทุก 2 อาทิตย์ก็ยังเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับสุขภาพเล็บที่ดี

ถ้าคุณผิวมันแล้วใช้ครีมกันแดดที่มีค่าเอสพี-เอฟสูง หรือครีมกันแดดที่กันความชื้น ซึ่งเนื้อครีมค่อนข้างมัน จะทำให้เป็นสิวง่าย ลองเลือกใช้ชนิดที่ค่าเอสพีเอฟ 15 - 20 สูตรเจลให้ความแห้งเนียน อาจช่วยลดการเกิดสิว แต่ถ้าผิวแพ้ง่ายด้วย ควรเลือกชนิดสำหรับผิวเซ้นสิทีฟซึ่งเนื้อโลชั่นบางเบากว่า สำคัญที่สุดคือ ควรทำความสะอาดผิวด้วยคลีนเซอร์เท่านั้น เพราะครีมกันแดดมีส่วนผสมของน้ำมันและสารเคมี จำเ

ทุกอย่างต้องมี after care หมอจะแนะนำ after care ให้ เพราะการทำ after care จะทำให้ได้ผลดีจากมัน และไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียง ต้องขอบอกว่าคำว่า “ไม่มีผลข้างเคียง” คงพูดไม่ได้ แต่หมายถึง ให้เกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด อย่างหลังทำเลเซอร์ ก็อย่าไปโดดแดด ส่วนโบท้อกซ์ แค่ใครก็ตามที่ฉีดบริเวณขมวดคิ้ว อย่าไปคลึงตรงบริเวณนั้น เพียงอาทิตย์เดียวแค่นั้นแหละ


      ท้ายสุด คุณหมอฝากบอกว่าทุกวันนี้โบท้อกซ์กลายเป็นแฟชั่นที่ใครต่อใครหลายคน ‘ติด’ ไปซะแล้ว จึงฝากกำชับสาวๆ ว่านอกจากต้องศึกษาหาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วน และดูแลตัวเองหลังฉีดตามหมอสั่งแล้ว ได้โปรดอย่าใจร้อนคาดหวังเกิน อยากสวยต้องค่อยเป็นค่อยไป

       “คนไข้ของหมอจะมาฉีดสม่ำเสมอ ซึ่งแต่ละครั้งหมอจะฉีดให้ไม่มาก เพราะหมอพูดอยู่เสมอว่าความสวยก็ต้องเดินทางสายกลาง”

หมอมีคนไข้ที่อยากได้โน้นอยากได้นี่เยอะมากเลย คนหนึ่งอายุ 50 แต่อยากได้อายุ 20 บางคนเรานั่งมองหน้าแก แหม..สวยอยู่แล้ว หมอก็เติมตรงนี้ตรงนั้นนิดเดียวก็โอเค แต่วันรุ่งขึ้นมาอีก คือ แกติดใจ อยากได้อีกนิดหนึ่ง หมอบอกอย่าเลย เดี๋ยวไม่สวย พูดไปครึ่งชั่วโมงก็ไม่เชื่อ คนพวกนี้แปลก ไม่ให้ทำ คุณเธอก็ไปหาที่อื่นทำ คือ สวยอยู่แล้ว แต่อยากให้ตัวเองจะสวยได้มากกว่านี้ ไม่เชื่อสายตา expert

มีอีกคนหนึ่งสวยมาก อยากฉีดปาก หมอก็ฉีดให้นิดหนึ่งกำลังน่ารักเชียว แกจะเอาอีก หมอบอกถ้าฉีดอีกจะไม่สวย แกก็ไม่ฟัง ไปฉีดที่อื่น น่าเกลียดมากเลย มาหาหมอร้องไห้ โชคดีที่หมอคนนั้นฉีดตัวยาให้แกแบบละลายได้ หมอก็มานั่งฉีดยาละลายให้แก สุดท้ายแกบอกหนูไม่เอาอีกแล้วค่ะ หนูจะเชื่อหมอ หนูรู้แล้วล่ะว่าบางอย่างทำได้ บางอย่างทำไม่ได้ สวยไม่มีทางลัด ต้องค่อยเป็นค่อยไป

      บางคนอยากทำเทอร์มาจ (Thermage) หมอก็ดูหน้า เอ๊ะ! อายุ 28 หน้าหนูก็ดีอยู่แล้วมาทำทำไม แกบอกก็หนูอยากให้หน้าสวยอย่างนี้ตลอดไปไง หมอบอกมันไม่ใช่อย่างนั้นนะ เทอร์มาจไม่ได้ทำให้หน้าสวยอย่างนี้ตลอดไป มีปัญหาแล้วมาแก้ นี้ถูกต้อง แต่หากหน้าสวยอยู่แล้วมาทำ จะทำให้ผิวหน้าแข็ง ผิวแย่ลงนะ หรือไม่ตอนหนูอายุ 40 ผิวหนูจะแย่ลงนะ หมอก็ใช้คำนี้ นี่เธออายุยังไม่ถึง 30 เลยจะมาทำอะไรกัน เค้าไปบอกเพื่อนๆว่าชั้นอายุไม่ถึง 30 หมอไม่ให้ทำ เพื่อนเค้ามาเลยบอกหนูอายุ 30 แล้วนะ ทำเทอร์มาจได้แล้ว หมอบอกไม่ใช่เกี่ยวกับอายุ มันเกี่ยวกับว่าจะทำให้ผิวเป็นยังไง เพราะการทำทุกอย่างมันมีผลข้างเคียง เลเซอร์ไม่ใช่อะไรที่ miracle ทำแล้วดีหมด ถ้าไม่เหมาะสมก็ไม่น่าทำ

      เหมือนกับโบท้อกซ์ ริ้วรอยใต้ตาบางคนฉีดไม่ได้ก็ไม่ได้นะ ถ้าไปดื้อฉีด หน้าจะออกมาเหมือนผีเลย คนที่มีหนังใต้ตาเยอะๆแบบปลาทอง ฉีดไปแล้วมันจะบวม หน้าเหมือนผีเลยแหละ เพราะงั้นต้องดูความเหมาะสม ไม่ใช่นึกจะฉีดก็ฉีด

หมอว่าเป็นเรื่องของ Trust เราต้องรู้จักหมอคนนี้พอสมควร ศึกษาสักนิดว่าหมอคนนี้เป็นไง background เป็นยังไง ทำมาขนาดไหน แล้วถ้าเราเข้าไปหาหมอด้วยความรู้ เราจะรู้ว่าหมอคนนี้มีความรู้หรือไม่ แต่ถ้าเราไปแบบคนไม่มีความรู้ ไปถึงนั่ง หมอจะทำอะไร ก็ทำ อันนั้นเราก็จะไม่สามารถบอกได้ว่าหมอคนนั้นมีความรู้หรือไม่

เวลาฝรั่งมานั่งคุยกับหมอ เค้าจะซักเลยนะ ถ้าเราตอบเค้าได้เป๊ะๆๆ ในสิ่งที่เค้ารู้อยู่แล้วด้วยนะ และเราอาจให้ความรู้เค้ามากขึ้นอีกนิดเดียวนี่นะ เค้าจะรู้เลยว่าเรารู้จริงหรือไม่จริง

มีคนมาถามเยอะมาก หมอบอกหน่อย หมอบอกจะบอกได้ไง ไม่ต้องไปรู้หรอก เค้าบอกจะได้ไม่ไปไง หมอเลยอธิบายว่า ทุกอย่างมีผลข้างเคียง และผลข้างเคียงก็เกิดจากเหตุหลายปัจจัย ไม่ว่าปัจจัยจากตัวเครื่องเอง ตัวยาเอง ตัวหมอเอง หรือแม้แต่ตัวคนไข้เอง

     อย่างมาทำเลเซอร์ใบหน้า แล้วคนไข้ไปตากแดด แน่นอน ออกมาหน้าดำปี๋เลย หรือเลเซอร์ตัวนี้ทำแล้วไม่เคย burn เลย แต่ทำไมคนนี้ทำแล้ว burn ผิวคนบางคนรับไม่ได้เลยกับเลเซอร์ตัวนี้ ผิวดำปี๋มาเลย ทั้งที่ไม่ได้ตากแดดมานะ แต่บางคน ไม่ดำ อาจเพราะมีเม็ดสีข้างใน burn จากเลเซอร์ได้ เพราะฉะนั้นของที่เกี่ยวกับเรื่องความงาม มันมีทั้งคุณและโทษ เพียงแต่ว่าคนที่เป็นหมอจะต้องระวังไม่ให้โทษเกิดขึ้นมากที่สุดเท่าที่จะระวังได้

     กรณีนักแสดงชายคนนั้น เราไม่อาจพูดได้ชัดว่าเกิดจากอะไร แต่เอาเป็นว่าก่อนไปทำต้องศึกษาหาข้อมูลให้ถ่องแท้ว่า คนที่ฉีดให้เรามีความชำนาญมั้ย ไม่ใช่อยู่ดีๆ อยากฉีด ก็เดินไปฉีด หมอทุกคนฉีดยาได้หมด แต่จะฉีดโบท้อกซ์ได้ต้องรู้เรื่องของกล้ามเนื้อ และการฉีดโบท้อกซ์เป็นเรื่องของฝีมือ มันต้องมีความชำนาญ

ใช่ ราคาจริงๆของโบท้อกซ์ไม่ถูกเลย ยิ่งถ้าทำแล้วสะสม ทำไปยาวๆ มันก็เป็นค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง จำนวนไม่ใช่น้อยทีเดียวเชียวล่ะ แต่จุดเด่นมันคือ ทำไปแล้วมันเร็วและชัดเจน อันนี้แหละที่ทำให้คนติดมัน รวมทั้งความปลอดภัย safety profile ของมันอยู่ในระดับที่คนรับได้

     หมอยกตัวอย่างคนไข้ฝรั่งคนหนึ่งอายุเกือบ 50 แล้ว มีวันหนึ่งมาฉีดโบท้อกซ์กับหมอ อีก 3 วันกลับอเมริกา ถึงอเมริกาแล้วโทร.มาหาหมอ บอกดีใจ-ไอเข้าบาร์ เค้าขอดู ID เพราะไม่เชื่อว่าไออายุ 50 แล้ว นึกว่ายังไม่ถึง 20 โบท้อกซ์ช่วยให้หน้าเด้งได้ขนาดนั้นจริงๆ นะ